วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คลิปสวย ๆ บน พารามอเตอร์










อยากให้นักร่มบินทุกท่าน ดูคลิปวีดีโอนี้ (Error)











ความรู้เบื้องต้นของการบิน ร่มบิน


ตอนที่ 1 : ครูฝึกนั้น สำคัญไฉน

ตอนที่ 
2 : กฎการบินในอากาศ                                                                                           

ตอนที่ 
3 : พรบ.การเดินอากาศ กับบทลงโทษ ร่มบิน

ตอนที่ 
4 : ทำไมหลายคนเลิกบิน                                                                                         

ตอนที่ 
5 : ช่วงบินขึ้น เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุมากสุด

ตอนที่ 
6 : ร่มหุบ                                                                                                               

ตอนที่ 
7 : เครื่องดับกลางอากาศ                                                                                            

ตอนที่ 
8 : ท่าลงฉุกเฉิน ( Parachute Landing Fall )                                                           

ตอนที่ 
9 : สังเกตความเร็วลมจากสิ่งรอบตัว

ตอนที่ 
10 : สายไฟ แรงสูง/ แรงต่ำ

ตอนที่ 
11 : เดินทางไกล                                                                                                    

ตอนที่ 
12 : นี่คือสิ่งที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุในการบินร่ม

ตอนที่ 
1 : ครูฝึกนั้น สำคัญไฉน                                                                                            

จริงๆแล้ว
 การฝึกบินร่มนั้นดูเหมือนง่าย บางคนแอบไปดูคนอื่นๆเล่น ก็คิดว่าน่าจะหัดเล่นเองได้

อยากจะเปรียบเทียบกับการหัดบินเฮลิคอปเตอร์บังคับวิทยุ ที่หลายๆคนไปซื้อมาหัดเล่นเอง โดยไม่มีครูฝึก บางคนเร่งปุ๊บ เครื่องลอยขึ้นฟ้าปั๊บ ตกใจลดคันเร่งทันที ผลคือเครื่องกระแทกพื้น ใบพัดหัก
 บางคนกล้าๆกลัว เลยเล่นไม่เป็นเสียที กลัวเครื่องพัง ก็เลยเก็บไม่เล่นต่อ แต่ที่ดีอย่างหนึ่งเมื่อ ฮ. บังคับ ตกลงมาพัง เราสามารถซ่อมได้ มีอะไหล่เปลี่ยนทุกชิ้น ส่วนร่มบินถ้าเกิดอุบัติเหตุ เจ็บตัวแล้ว มักจะเข็ด เลิกเล่นไปเลย เพราะคิดว่ามันอันตราย มีบางคน ที่ได้รับการฝึกบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด ประเภทฝึกให้ฟรี แอบไปบินเองในช่วงแรก ปรากฏว่าขึ้นบินได้ แต่ไม่สามารถบินไปข้างหน้าได้ ยิ่งเร่งก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องเลี้ยวกลับ ไปลงในพื้นที่ข้างหลัง แล้วลงมาต่อว่าคนขายร่มพร้อมเครื่องว่าหลอกขายเครื่องที่ไม่ดีให้ ถามไปถามมา พบว่าพี่ท่านไปบินในวันที่ลมแรงมากๆ โดยไม่รู้ว่าร่มบินมีกฎห้ามบินเมื่อลมพัดแรงมากกว่า 15กม./ชม. โชคดีนะที่ไม่เจ็บตัว
การฝึกร่มบินที่ดี ควรเป็นไปตามขั้นตอน มีมาตรฐาน และขอแนะนำว่าควรหาครูฝึกให้เป็นเรื่องเป็นราว ต้องยอมจ่ายเงินเป็นค่าฝึก ( มาตรฐานในบ้านเรา ราคาประมาณ 10,000 –15,000 บาท )

เพื่อให้ได้รับการฝึกที่ดีและถูกต้อง และครบถ้วน ถ้าให้คนที่บินเป็น หรือพรรคพวกกันฝึกให้ มักจะได้ไม่เต็มที่ ทั้งพื้นฐานด้านทฤษฎี และการปฏิบัติ บางทีไม่มีเวลาฝึกให้ อย่างต่อเนื่อง หรือมีความเกรงใจกัน ทำให้เรียนรู้ไม่ครบ ลัดขั้นตอน
 บางคนฝึกดึงร่ม ไม่กี่ครั้ง ยังบังคับร่มให้ตั้งได้ตรงไม่ได้ทุกครั้ง ก็โดนลากขึ้นบิน ปล่อยเดี่ยวแล้ว อันตรายและโอกาสเสียเงินค่าซ่อม เครื่องและเจ็บตัวมีมากจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใบพัดพัง มากกว่า ใบในช่วง 20ไฟลท์แรก แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เรื่อง ยังถือว่าไม่ผ่าน ฝึกมาไม่ดีพอ ควรกลับไปฝึกใหม่กับผู้รู้ หรือเปลี่ยนตัวครูฝึกใหม่ บางคนเซ้าซี้ อยากบิน บอกว่ามีเวลา 2-3 วัน เพราะอยู่ต่างจังหวัดบอกว่าอยากจริงๆ คนขายก็ขัดไม่ได้ หรือ อาจจะร้อนเงิน อยากขายเครื่องเต็มแก่ เอาก็เอา ฝึกหลักสูตรเร่งรัด หัดแป๊ปเดียว เอาลูกน้องช่วยลากสายเอ ดึงขึ้น แล้วไปว่ากันกลางอากาศนะเพ่ ถือว่าปล่อยเดี่ยวแล้วว่ะ ตอนลงจะเอาก้นลง หรือคว่ำหน้า คว่ำหลัง ก็ถือว่าจบแล้ว อันนี้บอกได้เลย ว่าอันตราย เทียบได้กับส่งคนไปเจ็บ หรือ ไปตาย
ศิษย์ประเภทนี้ดีอย่าง คือทำเงินให้ช่างซ่อมเครื่อง และคนทำใบพัดได้เป็นกอบเป็นกำ
จึงอยากบอกย้ำว่าการฝึกร่มบิน ต้องมีมาตรฐาน มีเวลา และ การประเมินความพร้อมของศิษย์
ที่สำคัญสุดคือ ครูฝึกนั้น จะต้องรู้จริง เป็นผู้ที่บินมาอย่างน้อย 2 – 3 ปีขึ้นไป และมีประวัติการบินที่ปลอดภัย ไม่ใช่คนบินซิ่ง บินผลาดแผลงเก่ง จะเป็นครูฝึกที่ดีได้ทุกคน ในต่างประเทศ ผู้ที่จะเป็นครูฝึก ได้จะต้องผ่านการทดสอบ และมีใบอนุญาต บ้านเรายังไม่มีมาตรฐานรองรับ แต่ก็สามารถสอบถามได้ในกลุ่มนักบินเก่า ที่บินกันอยู่ ว่ามีใครบ้าง
 พื้นที่ฝึกควรจะเหมาะสม เป็นที่โล่งกว้าง ไม่มีสิ่งกีดขวาง ห่างจากสายไฟแรงสูง และสามารถขึ้นลง ได้ทุกทิศทาง
ควรมีอุปกรณ์การฝึกที่ดีพอ บางท่านเอาร่มรุ่นเก่า ที่ทั้งหนัก ทั้งยุ่ยเป็นผ้าขี้ริ้ว มาให้ฝึก เห็นสภาพนักเรียน แล้วก็อดจะเวทนาไม่ได้ เวลาจะปล่อยเดี่ยว ก็ใช้เครื่องเก่าๆนั่นแหละ ถ้าเกิดเครื่องดับ กลางอากาศกับมือใหม่ โอกาสเจ็บตัวมีสูงทีเดียว ก่อนที่จะตั้งตัวเองเป็นอาจารย์อยากให้ทุกท่านลองถามตัวเอง ว่ารู้ท่องแท้ทั้งเรื่องทฤษฎีและปฏิบัติในเรื่องร่มบิน เรื่องลมฟ้าอากาศ เรื่องกฎการบินมากพอแล้วหรือ เราสามารถถ่ายทอดให้นักเรียนเข้าใจได้ดีพอแค่ไหน เราประเมินนักเรียนว่ามีความพร้อมหรือไม่ในการที่จะขึ้นบินปล่อยเดี่ยว
เพราะนั่นหมายถึงความปลอดภัยของศิษย์ และควรจะเป็นส่วนที่ครูฝึกต้องรับผิดชอบด้วย

คำพูดที่ว่า “ ฝึกน้อยเจ็บมาก ฝึกมากเจ็บน้อย“ 
ยังเป็นความจริงเสมอ ในขณะที่หลายคนขวนขวายที่จะสอบเอาใบอนุญาตนักบิน โดยสอบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ( นั่นหมายถึงบินเป็นแล้ว ) ผมกลับมองว่า การออกใบอนุญาตให้ครูฝึกหรือโรงเรียนฝึก ( คนละคน กับผู้มาเช็คภาคปฏิบัติ)
กลับสำคัญกว่า เพราะถ้าเราได้นักบินใหม่ที่อย่างน้อย ผ่านขั้นตอนอย่างมีมาตรฐาน จะทำให้สถิติ การเกิดอุบัติเหตุมีน้อย การไม่มีเรื่องราวร้ายๆขึ้นหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ ย่อมทำให้วงการร่มบินโดยรวม มีภาพพจน์ที่ดี ไม่โดนควบคุมด้วยกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้พวกเราบินเล่นกันได้อย่างมีความสุขไปกันอีกยาวนานครับ


ตอนที่ 2 : กฎการบินในอากาศ
ขับรถย่อมมีกฎ เช่นเดียวกันบิน ร่มบินก็มีกฎ ถ้าบินอยู่ตัวเดียวจะบินอย่างไรก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าบินหลายๆตัว เป็นหมู่ ก็ย่อมมีกฎเกณฑ์ เช่นกัน กฎแรก “ สิทธิในเส้นทางการบิน “ 

1. เครื่องที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเครื่องดับ มีสิทธิในเส้นทางการบินเหนือผู้อื่น มีสิทธิที่จะลงจอดก่อน ผู้อื่นที่บินอยู่ ต้องเป็นฝ่ายหลบ หรือให้ทาง

2. หากบินสวนทาง พุ่งเข้าหากัน ให้เลี้ยวหลบขวาใคร ขวามัน

3. เครื่องที่บินเร็วกว่า ตามหลังมา เวลาจะแซงให้แซงขวา และมีระยะห่างพอควร

4. หากบินเข้าหากัน ในระดับเดียวกัน เครื่องตัวที่อยู่ขวา มีสิทธิในเส้นทาง ตัวช้ายจะต้อง เป็นผู้หลบ

5. ถ้ามีเครื่องบินชนิดอื่นๆ หลายชนิดมาบินร่วมกัน และกำลังบินเข้าหากัน เครื่องที่บังคับได้น้อยสุดมีสิทธิในเส้นทางมากกว่าชนิดอื่นๆ ที่สมรรถนะสูงกว่า เช่น บอลลูนมีสิทธิ มากกว่าพวกเครื่องร่อน( ร่มร่อน หรือ Glider แบบที่ไม่มีเครื่องยนต์) เครื่องร่อนมีสิทธิมากกว่าร่มบินร่มบินมีสิทธิมากกว่าอุลตร้าไลท์ อุลตร้าไลท์มีสิทธิมากกว่าเครื่องบิน เครื่องบินมีสิทธิมากกว่าเฮลิคอปเตอร์

กฎที่ยกมานี่เป็นกฎสากล ที่นักบินต้องรู้ แต่ พวกเราไม่ต้องไปยึดมากนัก โดยเฉพาะข้อที่ 5.ถ้าหลบได้ก่อน ก็รีบๆหลบเถอะครับ

ส่วนกฎอื่นๆ ขณะบินหมู่มีอีกดังนี้ครับ :
1. อย่าบีบให้ผู้อื่นต้องเป็นผู้หลบเท่านั้น เราควรเตรียมพร้อมและหลีกเลี่ยงก่อนที่จะมีการชนเกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะมี “ สิทธิในเส้นทาง “ ก็ตาม

2. ขณะขึ้นบินหมู่ ควรกำหนดวงจรบินในบริเวณสนามเสียก่อน ว่าจะบินวนขวาหรือซ้าย จะได้บินตามกัน

3. หากมีจำนวนร่มบินมากเกินไปในอากาศ เราควรจะรอให้ว่างลงบ้าง แล้วค่อยขึ้นบิน เพราะบางทีมีทั้งมือเก่า มือใหม่ ไม่รู้เรื่องอะไร บังคับยังไม่คล่อง ทำให้ต้องเครียดเวลาบินร่วมกันแทนที่จะบินสนุก
4. ก่อนกางร่มขึ้นบินพร้อมๆกัน ต้องเลือกสถานที่และระวังนักบินอื่น เวลาเราเร่งเครื่องวิ่งขึ้นแล้ว เศษฝุ่น ไม่ฟุ้งไปใส่คนอื่น หรือพัดให้ร่มคนอื่นที่เตรียมจะขึ้นปลิวกระเจิง หรือวิ่งไปเหยียบร่มผู้อื่น
5. ตื่นตัวตลอดเวลา มองซ้ายขวา หน้าหลัง ล่างบน ให้แน่ใจก่อนที่จะเลี้ยว หรือเปลี่ยนระดับการบิน ให้รีบตัดสินใจ ไม่ต้องรอจนนาทีสุดท้าย

6. ควรมีวิทยุสื่อสาร เพื่อที่จะจัดจราจรกลางอากาศ หรือรับทราบข้อมูลที่จำเป็น

7. ระวังขี้ใบพัด เพราะอาจทำให้ร่มพับได้

8. ปฏิบัติตามกฎการบินของสถานที่นั้นๆ อย่างเคร่งครัด เพราะอาจมีข้อห้ามพิเศษ

9. หากที่วิ่งขึ้นมีจำกัด ควรเข้าคิว ใครที่คิดว่าตัวเองใช้เวลาเตรียมตัวในการขึ้นมากๆ ต้องมีคนมาช่วย ก็ควรจะไปรอบินเป็นคิวท้ายๆ

10. เวลาลงจอดควรเป็นเข้ามาเป็นวงจร แล้วแจ้งทางวิทยุ หรือเหยียดตัวยืนแกว่งขาให้สัญญาณ ตัวที่ต่ำกว่ามีสิทธิลงก่อน เว้นระยะห่าง และมองซ้ายขวา หน้าหลัง ล่างบนให้รอบครอบ เพราะอาจมีตัวอื่นที่จะลงจอด สวนกัน หรือกำลังบินขึ้น ในกรณีบินหลายๆตัว อย่าเพิ่งดับเครื่องจนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัยและใกล้ถึงพื้นแล้ว อย่างน้อยถ้าฉุกเฉิน ยังสามารถเร่งเครื่องหลบได้

11. ลงถึงพื้น แล้วรีบเคลียร์พื้นที่ รวบร่มเก็บออกมาก่อน พร้อมเครื่องไม่ให้กีดขวางผู้อื่น

ดังนั้นเวลามีการบินหมู่ นักบินทุกคนจึงต้องปฏิบัติตามกฎการบินอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เคยมีโอกาสไปดูงานเกี่ยวกับการบินของโลก ในวันเปิดพิธีมีเครื่องบินมาร่วมหลายพันคัน อุลตร้าไลท์และร่มบินเป็นร้อยๆตัว บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยอากาศยาน แต่ไม่มีเหตุการณ์เครื่องชนกัน เพราะเขามีการกำหนดโซนการบินไว้อย่างชัดเจน เครื่องบินเร็วจะอยู่คนละฝากของแนววิ่งขึ้นกับเครื่องบินช้า ร่มบินก็จะแยกไปอีกโซนหนึ่ง

ก่อนที่นักบินจะนำเครื่องจากสนามบินต่างๆบินเข้าสู่บริเวณจัดงานก็จะมีการประสานงานถึงระดับเพดานบินและรายละเอียดต่างๆ และจะมีการประชุมสรุปนักบินที่ลงทะเบียน อธิบายและชี้แจงข้อสงสัย ที่จะขึ้นบินในวันเปิดพิธี เช่น ก่อนขึ้นบินต้องมาแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน พวกอุลตร้าไลท์และร่มบิน พอขึ้นบินไปอยู่ในโซนที่กำหนดแล้ว เขาจะปล่อยให้บินตามสบาย ให้ระวังกันเอง โดยไม่ต้องติดต่อวิทยุเลย ยกเว้นช่วงจะขอลงจอด ดูแล้วสนุกสนาน ตระการตา เต็มฟ้าเลย
ตอนที่ 3 : พรบ.การเดินอากาศ กับบทลงโทษ ร่มบิน
วันนี้เอา พรบ. การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และบทลงโทษ มาให้พวกเราชาวร่มบินได้รู้ และตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไข การบินร่มในปัจจุบันก็ถือว่าผิดอยู่ดี เพราะตอนนี้กฎหมายยังจัดว่าร่มบินเป็นอากาศยานส่วนบุคคล ตามมาตรา และยังต้องอยู่ภายใต้ ข้อบังคับคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 43 รวมทั้งมีกฎกระทรวง ฉบับที่ 32 กำหนดรายละเอียดอีกหยุมหยิม จึงอยากย้ำว่า ในการเติบโตอย่างรวดเร็วของคนเล่นร่มบิน นักบินมือใหม่มีมาก และบางคนไม่รู้เรื่องกฎหมายอะไรเลย อาจจะบินว่อนไปหมด ด้วยความที่ไม่รู้ หลายคนไม่บินในสนามที่กำหนด บางคนไปบินทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ด้วยการบินโฉบต่ำ หรือบินเข้าไปในตัวเมือง แม้กระทั่งบินตัดหน้าขบวน วีไอพี มาดูกันครับ ( คัดมาเฉพาะ ส่วนที่เกี่ยวกับร่มบิน )
มาตรา 16 : ห้ามมิให้ผู้ใดนำอากาศยานทำการบิน เว้นแต่มีสิ่งเหล่านี้ อยู่กับอากาศยานนั้น คือ

1. ใบสำคัญการจดทะเบียน

2. เครื่องหมายสัญชาติและทะเบียน

3. ใบสำคัญสมควรเดินอากาศ

4. สมุดปูมเดินทาง

5. ใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่แต่ละคน

6. ใบอนุญาตเครื่องวิทยุสื่อสาร ถ้ามีเครื่องวิทยุสื่อสาร

มาตรา 68 : ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 16 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 4000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 29 ทวิ : ห้ามมิให้ผู้ใดใช้อากาศยานส่วนบุคคลในการเดินอากาศ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตใช้อากาศยานส่วนบุคคลจากรัฐมนตรี
มาตรา 68 ทวิ : ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 29 ทวิ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100000บาท หรือจำคุกไม่เกิน ปี หรือ ทั้งปรับทั้งจำ

มาตรา 17 : ห้ามมิให้อากาศยานใช้ที่หนึ่งที่ใดเป็นที่ขึ้นลง นอกจากสนามบินอนุญาต หรือที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยานที่ได้รับอนุญาต หรือที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา 69 : ผู้ควบคุมอากาศยานใดฝ่าฝืน มาตรา 17 ปรับไม่เกิน 30000 บาทและจำคุกไม่เกิน ปี

มาตรา 19 : อากาศยานต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน

มาตรา 69 ทวิ : ผู้ควบคุมอากาศยานใดฝ่าฝืน มาตรา 19 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2000บาท หรือจำคุกไม่เกิน เดือน หรือ ทั้งปรับทั้งจำ

จะเห็นได้ว่าบทลงโทษค่อนข้างหนักทีเดียวครับ ตราบใดที่พวกไม่สามารถแก้ พรบ. นี้หรือ เปลี่ยนแปลงอะไรได้ ก็อยากขอร้องครับ ว่ากรุณาบินตามกฎของสนามอย่างเคร่งครัดไปก่อน

ถ้ามีเรื่องขึ้นมาก็ตัวใครตัวมันครับ พวกที่อ้างว่าร่มบินไม่ต้องขออนุญาต ก็จำให้แม่นนะครับ....มีคุกอยู่ทุกมาตราเลย

ตอนที่ 4 : ทำไมหลายคนเลิกบิน
ความหลงใหล ใฝ่ฝันในการบิน ทำให้หลายคนก้าวเข้ามาสู่วงการบิน แต่เราจะพบว่า แม้จำนวนนักบินใหม่จะเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ก็จะมีหลายคนมากทีเดียวที่หยุดบิน เพราะเมื่อเขาบินมาถึงจุดหนึ่ง แล้วพบว่ามันเสี่ยงนะ และพบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่เขารู้สึกว่ามันอยู่นอกเหนือการควบคุม
บางท่านอาจบินไปพบเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่นติดสภาพอากาศเลวร้าย เลยเริ่มกลัว รวมทั้งปัญหาด้านสุขภาพและปัจจัยด้านครอบครัว ยกตัวอย่างเช่น หากภรรยาเห็นเพื่อนในหมู่นักบินด้วยกันเกิดอุบัติเหตุ ก็อ้อนวอน ร้องขอให้เลิกบิน หรือโดนยื่นคำขาด
มีกราฟอันหนึ่ง เรียกว่า กราฟความกล้าของนักบิน ซึ่งจะเป็นรูประฆังคว่ำ

ช่วงเริ่มบินแรกๆ นักบินใหม่จะระมัดระวัง ยังไม่กล้าทำโน่นทำนี่ เพราะยังไม่มีประสบการณ์และยังมีความกลัวสูงอยู่ กราฟจะอยู่ต่ำๆ ค่อยๆ พุ่งขึ้น ช่วงกลางของกราฟ เมื่อประสบการณ์มากขึ้น ความกลัวลดลง ความกล้าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งกราฟจะพุ่งสูงสุด ตอนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน ชนะการแข่งอะไรสักอย่าง หรือถ้าเป็นในต่างประเทศ ก็จะเป็นขณะที่ได้เลื่อนขั้นนักบินเป็นระดับสูงขึ้น ช่วงท้ายของกราฟ ความกล้าจะลดลง หลังจากที่เจอเหตุการณ์ไม่ดีกับตัวเองหรือ เกิดกับกลุ่มเพื่อนที่รู้จัก ความกลัวจะเริ่มมาเยือน

ที่เล่าให้ฟังนี้ก็เป็นการย้ำว่า ถ้าท่านยังอยากจะมีความสุข และสนุกนานๆ

คงต้องระมัดระวังในการบินมากขึ้น ไม่ประมาท จะได้บินกันนานๆ

ตอนที่ 5 : ช่วงบินขึ้น เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุมากสุด
ที่จริงแล้วช่วงอื่นก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ แต่สำหรับมือใหม่มักจะเกิดตอนบินขึ้น มาดูกันว่าเกิดตอนไหนกันบ้าง:
-ก่อนบินขึ้น ไม่ตรวจเครื่องและร่ม ( Pre-Flight Check ) โอกาสเกิดอุบัติเหตุมีมากสุด

-ขณะวิ่งขึ้น ร่มขึ้นไม่ตรง ยังโคลงไปมา นักบินไม่ได้แหงนดู เร่งเครื่องสุด ผลคือล้มลง

-ขณะวิ่งขึ้น ความเร็วยังไม่ได้ ยังไม่มีแรงยกพอ นักบินโดด ผลคือเครื่องกระแทกพื้น ใบหัก

-ขณะวิ่งขึ้น วิ่งไปสุดทางวิ่งแล้ว ยังไม่ยกตัว แต่ดันทุรังที่จะไปต่อ ( วันที่อากาศร้อน อบอ้าวแรงยกตัวของร่มและแรงขับใบพัดจะลดลง )

-มีต้นไม้ หรือสิ่งกีดขวางข้างหน้า

-สนามสั้น ไม่เหมาะสม

-เมื่อบินขึ้น แล้วรีบนั่ง รีบเลี้ยว รีบปล่อยสายเบรค โดยที่ยังไม่มีระยะสูงปลอดภัยพอ

-ช่วงวิ่งขึ้น นักบินไม่ทันได้มองร่มตัวอื่น ที่กำลังจะขึ้น-ลง ทำให้ชนกัน หรือเจอขี้ใบพัดตัวอื่น

-เมื่อบินขึ้น ในระดับความสูงไม่เกิน 2 - 300 ฟุต แล้วเครื่องดับ นักบินเลี้ยวกลับสนาม ผลคือสตอล เสียความสูงอย่างเร็ว ทำให้ลงกระแทก ถ้าเครื่องดับในระยะต่ำให้บินลงตรงข้างหน้าอย่างเดียว เลี้ยวหลบได้เล็กน้อย

-เมื่อบินขึ้น แล้วลืมล๊อคขา ลำตัวรูดลง ทำให้ตกใจ วิธีแก้คือให้ใจเย็น ค่อยๆบินลง
-ข้อสุดท้าย ถ้ารู้สึกไม่ดี หรือร่างกายไม่พร้อม อย่าขึ้นบิน แถมอีกข้อ..........ฉี่ก่อนขึ้นบิน
ตอนที่ 6 : ร่มหุบ
สมมุติว่าถ้าบินๆไป แล้วเข้าไปในสภาวะอากาศแปรปรวน หรือเจอขี้ใบพัดของร่มตัวอื่น แล้วชายปีกด้านขวาหุบลงมาครึ่งหนึ่ง จะเกิดอะไรขึ้น
วินาทีนั้นนักบินจะรู้ตัวจากการถูกเหวี่ยงขวา เหมือนเลี้ยวขวาลึกๆ และเสียความสูง ทั้งๆที่มือที่จับสายเบรค ด้านขวาเบาหวิว
 วิธีแก้อันดับแรกคือมีสติ อย่าตกใจ ถ้ามีความสูงพอให้เหลือบขึ้นไปมองดูร่มก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วให้ดึงเบรคซ้าย เพื่อรักษาทิศไม่ให้หมุนไปมากกว่านี้ แต่อย่าดึงมากจนเกิดการสตอล นั่นหมายถึงสถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีก กลายเป็นหมุนติ้ว
การดึงด้านที่ยังกางอยู่ จะช่วยให้ลมภายในเซล วิ่งทะลุไปยังด้านที่หุบ และจะช่วยให้ปีกด้านนั้น กางเองอีกครั้งได้ ส่วนด้านที่หุบ อาจจะใช้วิธีปั๊มหรือใช้ช่วงชักยาวๆ ( การปั้มซอยถี่สั้นๆ จะไม่ช่วยอะไร )
ซึ่งปกติ ร่มรุ่นเบสิคจะกลับมากางเองได้ง่ายกว่าร่มสำหรับมือโปร โดยที่แทบไม่ต้องทำอะไรเลย

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับเวลา และความสูงที่เรามีอยู่
 นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ไม่ควรบินต่ำเกินไป เพราะจะได้พอมีเวลาแก้ไขทัน หากมีเหตุฉุกเฉิน ทางที่ดีที่สุด ก็ควรอย่าพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆครับ !!

ตอนที่ 7 : เครื่องดับกลางอากาศ
คำถามยอดฮิตของคนที่สนใจพารามอเตอร์มักจะถามว่า "ถ้าเครื่องดับ จะทำอย่างไงครับ" เราเองก็บอกว่า ..อ๋อ..ปกติเราดับเครื่องลงอยู่แล้ว แต่บางทีเราไม่อยากให้มันดับ..มันดันดับนี่หล่ะครับ..ปวดใจสิ้นดี..เรื่องเครื่องดับกลางอากาศ
สาเหตุที่เครื่องดับกลางอากาศ มีอยู่ปัจจัยหลักๆ ดังนี้ครับ

1.น้ำมันหมด ก่อนการบินควรวางแผนการบินทุกครั้งว่า จะบินไปไหนใช้เวลาประมาณเท่าไหร่และที่สำคัญคือต้องรู้อัตราการกินน้ำมันของเครื่องยนต์โดยประมาณว่ากินน้ำมันเฉลี่ยชั่วโมงละ กี่ลิตร ถ้าจะให้ดี ก็เติมเผื่อเอาไว้หน่อยครับ เหลือไม่เป็นไร แต่ถ้าขาดแล้วจะยุ่งบางทีอากาศดีๆ บินเพลินครับไม่อยากจะลง..หรือก่อนขึ้นเหลือบไปดูนาฬิกาว่าขึ้นกี่โมง ก็แค่นั้นเองครับ..แต่ร่วงด้วย สาเหตุนี้บางทีก็ไม่น่าจะให้อภัย..ไปอ้างว่ามองไม่เห็นน้ำมัน...อยู่ที่ความประมาทของนักบินครับ
2.สายหัวเทียนหลุด เกิดจากหลายสาเหตุครับ บางทีเครื่องยนต์พอใช้ไปนานๆ เกิดการสั่นสะเทือนทำให้ปลั้กหัวเทียนหลุดได้เหมือนกัน
บางทีถอดเข้าถอดออกบ่อยๆ ก็หลวมถ้าจะให้ดีเมื่อใช้งานสักระยะก็ควรจะเปลี่ยน แต่สองประเด็นนี้เกิดน้อย ส่วนใหญ่มักจะเกิดจาก ถอดหัวเทียน แล้วใส่เข้าไปไม่แน่นมากกว่าครับ..

3.น้ำมันลงไม่ทัน มีหลายประเด็นครับ
3.1 
คาบูเรเตอร์ตันเนื่องจากมีฝุ่น เศษผงเข้าไปอุดตัน
3.2 
ลืมเปิดก๊อกน้ำมัน หรือเปิดวาวล์ไม่สุด ก๊อกน้ำมันบางรุ่นจะมีก๊อก 1และ ก๊อก บางทีนักบินเข้าใจผิดไปเปิดก๊อกที่ แทนซึ่งรูการจ่ายน้ำมันจะเล็กกว่าเมื่อคุณเร่งเครื่องยนต์มาก นานๆ น้ำมันจะลงไม่ทันเครื่องก็ วอดได้เหมือนกัน
3.3 
ยางก๊อกน้ำมันบวม ไปอุดท่อส่งน้ำมัน กรณีเช่นนี้จะเกิดบ่อยมากครับ ผมเองเคยร่วงเพราะเหตุนี้ 4-5 ครั้ง ปัจจุบัน ก็เลยตัดปัญหาเอาก๊อกออก เวลาเลิกเล่นแล้วถ่ายน้ำมันออกทุกครั้งจะดีกว่า เป็นการล้างคาร์บูเรเตอร์และถังน้ำมันไปในตัวครับ
3.4 
รูระบายอากาศถังน้ำมันอุดตัน หรือพับ,งอ ไม่สามารถระบายอากาศออกได้ ก็เป็นสาเหตุให้น้ำมันลงไม่ทันเหมือนกันครับ
3.5 
ปั๊มน้ำมันไม่ทำงาน กรณีเช่นนี้จะเกิดบ่อยกับเครื่องประเภทถังน้ำมันอยู่ข้างล่าง เนื่องจากบางครั้งมี ออโตลู๊บไปค้างที่สาย หรือสายเวคคั่มปั้มน้ำมันรั่ว ทำให้จังหวะของปั๊มน้ำมันทำงานไม่เต็มที่หรือไม่ทำงาน กรณีเช่นนี้ช่วงหลังผมตัดปัญหาไปใช้ถังบนหมดครับ
3.6 
กรองน้ำมันตัน นี่ก็เป็นสาเหตุของการตกที่คาดไม่ถึงอีกล่ะครับ ทางที่ดีพอเห็นว่าใช้มาสักพักก็เปลี่ยนดีกว่า ราคาประมาณ 30 บาท อย่าไปเสียดายเลยครับ เพราะถ้าร่วงแล้วไม่คุ้มกัน
4.ลูกสูบติด หรือทะลุ มักจะเกิดจากการปรับแต่งเครื่องยนต์ครับ
4.1 เกิดจากการลืมผสมออโดลู๊บ หรือผสมอ่อนไป

4.2 
ไฟแก่เกินไป เครื่องยนต์มีความร้อนสูง
4.3 
เครื่องยนต์รอบจัดเกินไป
4.4 
น้ำมันไม่พอหรือนมหนูเล็กไป
เอากันง่ายๆ ครับ ปัญหานี่เกิดจากเครื่องยนต์ร้อนจัดเกินไปนั่นเอง ที่ว่าเครื่องแรงๆ ยิ่งแรงรอบก็ยิ่งจัด ความร้อนก็ยิ่งสูง ถ้าช่างที่เก่งๆเวลาจูนเครื่องยนต์มักจะมองที่สีของหัวเทียน อันดับแรกคือ เหนียวไว้ก่อนครับ ส่วนเรื่องแรงเดี๋ยวมาหากันทีหลัง..
5.
ไปโดนปุ่มดับ อันนี้ก็เป็นสาเหตุบ่อยสำหรับนักบินบางทีมือไปโดนไม่รู้ตัวหรอกครับ พอลงมาข้างล่างแทบจะตีกันตาย กับช่างเครื่องบางคนคิดว่าเครื่องตัวเองมีปัญหา พอลงมาข้างลงเอามือตบใบพัดทีเดียวติดเอาดื้อๆ ยกกลับไปหาช่างก็งงๆ ครับ ไม่รู้จะแก้ยังไง ทางทีดีนักบิน ควรจะหาสาเหตุให้เจอครับ จะได้ไม่มีครั้งต่อไป บางทีโทรไปถามช่างก็ไม่สามารถจะให้คำตอบได้ครับ...ต้องเอาเครื่องมาตรวจเช็คดู
ผมว่ายังมีอีกสาเหตุหนึ่ง..จากที่ฟังเขาว่ามาแล้วก็เห็นจริงๆ เวลา Low โดยเบาคันเร่งหมดเลย ไม่ได้เลี้ยงไว้บ้าง เสร็จแล้วเร่งเครื่องสุดทันที...ผลหรือครับ หวอด..... หวอด .....พรึ่บเงียบสนิท
ซ.ต.พ. แล้ว สาเหตุก็ มาจากข้อ 3.6 นั่นแหละ ครับผม
ไม่มีเครื่องตัวไหน ที่ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเครื่องนอก เครื่องทำในไทยถ้ามันไม่เป็นที่เครื่องยนต์ ก็อาจจะมาจากสายไฟ สายน้ำมัน หรือปัจจัยอื่นๆดังนั้นเวลาก่อนขึ้นบิน ต้องPre-flight เช็คทุกอย่างก่อนเสมอให้เป็นนิสัย
การตรวจสอบ ตรวจเช็ค และเปลี่ยนอุปกรณ์ตามชั่วโมงบิน เป็นเรื่องจำเป็นเวลาบินต้องเผื่อใจ และเผื่อความสูง หากดับจะต้องมีที่ลงฉุกเฉินคนที่คิดว่าเครื่องตัวเองไม่ดับ มักจะเจ็บตัวได้มากกว่าคนที่คิดว่าเครื่องตัวเองอาจดับ

ตอนที่ 
8 : ท่าลงฉุกเฉิน ( Parachute Landing Fall )
วินาทีสุดท้ายของการลงแบบฉุกเฉิน(เช่น เกิดร่มพับ ควงลงอย่างเร็ว หรือลงไปในป่า )
เราจะใช้ท่าลงฉุกเฉินของการโดดร่มคือ 
PLF ขาชิด และชี้ลง / งอเข่าเล็กน้อย / ยกขาขึ้นประมาณ 45 องศา จากแนวที่เรากำลังพุ่งไป แล้วก็ภาวนา.....ดวงใครดวงมัน แต่สำหรับร่มบิน ที่มีเครื่องติดด้านหลัง เราจะมีแรงกระแทกจากน้ำหนักเครื่อง แถมอีกด้วย จึงควรตรวจสอบว่า ชุดฮานเนสที่ใช้อยู่มีฟองน้ำหนาๆ รองกันกระดูกสันหลังมั่งหรือปล่าว ( คล้ายกับ ของพวกร่มร่อน แต่ไม่ต้องหนามากขนาดนั้น ) บางสถานการณ์ อาจเอาด้านฐานของเครื่องลง กระแทกก่อนเพื่อรับแรง และใครที่เตรียมเครื่องป้องกันมาก เช่น รองเท้าบู้ท หมวกกันน๊อค สนับเข่า ถุงมือก็จะเจ็บตัวน้อยหน่อย ส่วนใหญ่ส่วนเท้าและข้อเท้าจะลงก่อน จึงเป็นส่วนที่เจ็บ บางคนอาจจะแค่ข้อเท้าแพลง หนักหน่อยก็กระดูกเท้าแตก หรือ มีการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังเป็นของแถม และยังไม่มีใครได้รวบรวมสถิติเลยว่า พวกที่บินนานๆ เป็นหลายปีต่อเนื่อง ข้อเท้า และเข่า ที่รับน้ำหนักกระแทกตอนลงตลอด จะมีผลอะไรบ้าง ตัวผมเองเคยลงนอกสนาม แล้วเจอหลุม ข้อแพลง และทำท่าว่าจะหายถ้าเดินแบบปกติ แต่บางขณะก็มีอาการปวดแปล๊บๆ ถ้าเดินผิดท่าขึ้นมาเหมือนกัน จึงอยากเตือนนักบินหนุ่มๆนะครับ ว่ากรุณาป้องกันข้อเท้าของท่าน และใช้ด้วยความถนุถนอม ( เหมือนกระสุนประจำตัวท่านชาย ) และถ้าไม่อยากเกิดเหตุการณ์ที่จะทำให้เจ็บตัวเช่นนี้ ก็พยายามอ่านกฎการบินบ่อยๆ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ครับ

ตอนที่ 9 : สังเกตความเร็วลมจากสิ่งรอบตัว
นักบินสามารถประมาณความเร็วลม ได้ โดยสังเกตสิ่งรอบๆตัวดังนี้
-ลมนิ่ง ควันไฟลอยขึ้นตรงๆ พื้นผิวน้ำ นิ่ง ใส เรียบเป็นผิวกระจก ความเร็วลมจะประมาณ 0 – 1 กม. ต่อ ชม.

-ควันไฟที่ลอยขึ้น ค่อยๆเฉ ถุงลมยังไม่เคลื่อนไหว ผิวน้ำมีคลื่นเล็กๆ ความเร็วลมจะประมาณ2 – 6 กม. ต่อ ชม.

-ใบไม้ กิ่งไม้เคลื่อนไหว ควันไฟเฉ ถุงลมทำมุม 60 องศากับแนวดิ่ง ความเร็วลมจะประมาณ10 – 12 กม. ต่อ ชม.

-ต้นไม้ ยอดสนลู่ตามลม ควันไฟเป็นแนวราบในระดับต่ำ ขาดเป็นระยะๆ ถุงลมตั้งฉาก

ความเร็วลมจะมากกว่า 15 กม. ต่อ ชม.

ขณะบิน เราจึงควรสังเกตสิ่งต่างๆเหล่านี้ โดยกวาดสายตามองรอบๆ ใกล้ไกล เพื่อที่จะได้เป็นข้อสังเกตว่าสถานการณ์โดยรอบเป็นอย่างไร ซึ่งจะช่วยทำให้การบินปลอดภัยมากขึ้น

ตอนที่ 
10 : สายไฟ แรงสูง/ แรงต่ำ
ก่อนขึ้นบินต่างถิ่น ต่างสถานที่ ควรเช็คบริเวณรอบๆ ให้แน่ใจว่า ห่างจากเสาไฟทั้งหลายเพราะนักบินกับสายไฟ และเสาไฟ เป็นของคู่กัน ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องเข้าใกล้นะครับ ก่อนที่จะบินข้าม ต้องมีระยะสูงเผื่อไว้ให้พอเพียง ( ถ้าเป็นเสาแรงสูง อย่างน้อย 10 เมตร ) หากเครื่องดับ จะได้หลบทัน เวลาข้ามควรทำมุมเฉียงเพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะดึงเลี้ยวไม่มากเท่ากับมุมฉาก ในกรณีเครื่องดับ และมีสายไฟขวางอยู่ข้างหน้า ควรเลี้ยวลงก่อน อย่าเสี่ยงข้าม หรือ บางครั้งการอัดเครื่องสุด เพื่อที่จะข้ามสายไฟ ในระยะเฉียดฉิว ก็ไม่ควรทำ
และสุดท้าย การจะลงในที่ๆ ไม่คุ้นเคย อย่าเพิ่งรีบดับเครื่องแล้วลงทันที อย่างน้อย ควรบินลงไปต่ำๆเพื่อสำรวจสถานที่ก่อน หนึ่งเที่ยว เพราะอาจมีสายไฟเส้นเล็กๆอยู่ด้านล่างพาดขวางอยู่ ซึ่งตอนบินอยู่สูงๆ นักบินแทบมองไม่เห็น

คำเตือน : การบินร่มบินที่ถูกต้องคือลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ใช่แขวนอยู่บนเสาไฟ

ตอนที่ 11 : เดินทางไกล
หน้าฝนผ่านพ้นไป อากาศหนาวเริ่มมาเยือน เป็นสัญลักษณ์ของอากาศดี เหมาะกับการบินเดินทาง ซึ่งเป็นการบินที่น่าสนุกและตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจสำหรับนักบินใหม่ยิ่งนัก ก่อนการเดินทางไกล ควรจะมีการเตรียมการล่วงหน้า ทั้งการสำรวจเส้นทาง จุดพัก และเช็คสภาพเครื่องยนต์ให้พร้อมมากที่สุด มีแผนสำรองเผื่อไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง อันเนื่องมาจากสภาพอากาศ หรือมืดค่ำเสียก่อน เวลาที่ดีสุดน่าจะเป็นช่วงเช้ามืดเพราะหากเกิดพลัดหลง หรือเหตุฉุกเฉิน และเกิดการค้นหาช่วยเหลือจะสะดวกกว่าในความมืดหากบินตอนเย็น
ขณะบินข้ามป่าใหญ่ หรือหมู่บ้าน ควรจะบินสูงหน่อย ไม่ต่ำ 500 ฟุต หรือสูงพอที่จะร่อนลงในพื้นที่สำรองได้

นักบินต้องสอดส่องสายตา หาที่ลงฉุกเฉินทุกระยะ ถ้าบินทวนลมควรมองพื้นที่ด้านข้าง ด้านล่าง หรือด้านเยื้องไปข้างหลัง เพราะหากเครื่องดับกระแสลมอาจทำให้เราร่อนไปข้างหน้าได้ไม่มากนัก เวลาลง ควรลงใกล้ถนน หรือหมู่บ้านให้มากที่สุด
 ถ้ามีวิทยุสื่อสาร ควรรีบแจ้งเพื่อนที่บินด้วยกันให้ทราบถึงตำแหน่งคร่าวๆ ก่อนลงสู่พื้น เพราะจะได้ค้นหาได้ถูกจุด เนื่องจากบางพื้นที่อาจจะเป็นที่อับสัญญาณ เช่นหุบเขา ลงไปแล้วใบ้กินอยู่คนเดียว จะบอกว่าตัวเองอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้จะบอกอย่างไร อุปกรณ์ที่ควรมีติดตัวนอกจากวิทยุสื่อสาร ก็มี โทรศัพท์มือถือ GPS เข็มทิศ นาฬิกา และกระจกส่องดูน้ำมัน ควรมีทีมสนับสนุนทางภาคพื้น คอยติดตาม รับกลับ หรือช่วยเหลือหากมีเหตุฉุกเฉิน เช่น กรณีที่บินตอนเย็น แล้วมืดค่ำ จะได้ช่วยเปิดไฟรถส่องพื้น หรือก่อกองไฟ รวมทั้งคอยวิทยุกำกับ ลำดับการลงจอดเพื่อไม่ให้ชนกัน และหากท่านเป็นมือใหม่ ควรบินตามคนที่ชำนาญกว่า ตอนบินลงให้ลงทีหลัง เพื่อที่จะได้ทราบ แนวร่อนลงและสภาพของสนาม
ตอนที่ 12 : นี่คือสิ่งที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุในการบินร่ม

1. สิ่งกีดขวาง เช่นต้นไม้ อาคาร ขณะบินขึ้น หรือลงจอด
2. บินในระดับต่ำ

3. บินเป็นหมู่

4. บินเข้าเมฆ หมอก

5. บินโชว์ บินอวด

6. บินผาดแผลง

7. บินเหนือน้ำ

8. สายไฟฟ้าแรงสูง

9. ลมแรง ลมกระโชก

10. ใช้ร่มสมรรถนะสูงๆ ร่มของโปร

11. บินเดินทางไกล

12. บินแข่งขัน

13. บินทำสถิติ หรือ ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำกัน

14. ความอ่อนล้าของนักบิน

15. ความกลัว และ ตื่นตระหนก

16. มั่นใจเกิน

17. ใจเย็นเกินไป ประมาท

18. ไม่มีประสบการณ์พอ

19. นักบินอ่อนซ้อม หยุดบินนานเกิน
 

ตำราร่มบิน "การฝึกร่มบิน"

     กีฬาร่มบิน เป็นกีฬาที่มีความปลอดภัยสูง หากผู้ฝึกได้รับความรู้ที่ถูกต้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถและประสบการณ์การถ่ายทอดของผู้ฝึกสอน สิ่งที่ต้องคำนึงอยู่ตลอดเวลาของการฝึกสอน ไม่ใช่เพียงแค่การบินเป็นเพียงอย่างเดียว “แต่บินอย่างไรให้ปลอดภัยนั้นสำคัญที่สุด” นักบินฝึกใหม่อย่างน้อยต้องบินขึ้น-ลง 10-15 ไฟท์ ระยะเวลาการฝึกจะเป็นช้าหรือเร็ว โอกาสจะเก่งมากหรือน้อย นั้นมีองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้

1. เบสิคการตั้งร่ม ที่ถูกต้อง
2. ประสบการณ์การถ่ายทอดของครูฝึก
3. ทักษะของนักบิน trainning
4. อุปกรณ์การฝึก
การวางร่ม และการจัดร่มในระยะเท่าๆ กัน โดยตัวอยู่กึ่งกลางของร่ม ในแนวตรงแกนลมด้านหน้า ( วิ่งสวนลม )


 
จับ สายไรเซอร์ A ทั้งสองข้าง (ส่วนใหญ่จะใช้สีแดง หรือเขียนคำว่า A ที่ไรเซอร์)
ไว้ที่ง่ามมือ ให้สายตึงเท่าๆกัน โดยกางแขนให้ตึงเท่ากันทั้งสองข้าง ลักษณะรูปตัว V เหนือหัว
โดยจัดให้ตัวยืนอยู่กึ่งกลางของร่ม และวางเท้าให้เท่ากันทั้งสองข้าง ในท่าเตรียมพร้อม
การเริ่มต้นTAKE OFF โดยการดึง A ทั้งสองข้างพร้อมออกแรงโน้มตัวเอียงไปข้างหน้า โดยการออกกำลังที่ไหล่และต้นแขน พร้อมวิ่งให้ตรงแกนลม
แหงนหน้ามองร่มด้านบน เมื่อร่มตรงศีรษะให้ปล่อยสาย A ทั้งสองข้าง
พร้อมวิ่งไปข้างหน้าเพื่อสร้าง POWER  ( ถ้าหยุดวิ่ง ร่มจะเอียงตกข้างหรือด้านหลัง )
เมื่อร่มตรงให้ชูมือทั้งสองข้าง พร้อมออกแรงประคองร่มวิ่งไปข้างหน้า ให้ตรงแกนลม โดยแหงนหน้าดูอาการของร่ม และแต่งร่มตามจังหวะและอาการทุกอย่างกระทำอย่างช้าๆ และนิ่มนวล 
เมื่อร่มเกิดอาการเอียง ให้วิ่งแก้ร่มในทิศทางนั้น เช่น ร่มตกด้านซ้าย..ให้วิ่งไปทางซ้าย ร่มตกด้านขวา...ให้วิ่งไปทางขวา โดยสเต็ปก้าวเท้าเฉียงไปข้างหน้าในลักษณะทำมุม 45องศา
                   การวิ่งแก้ร่มทำมุม 45องศา พร้อมกับสร้าง POWER เพื่อประคองให้ร่มตึง
  
 การวิ่งแต่งร่ม
กรณีร่มเอียงด้านซ้าย  >>> ให้วิ่งไปทางซ้าย  >>> ดึงเบรคด้านขวา โดยสเต็ปเท้าซ้ายวิ่งไปข้างหน้าทำมุม 45 องศา
กรณีร่มเอียงด้านขวา  >>> ให้วิ่งไปทางขวา  >>> ดึงเบรคด้านซ้าย โดยสเต็ปเท้าขวาวิ่งไปข้างหน้าทำมุม 45 องศา
การดึงแก้อาการของร่มให้ ดึงทีละข้างอย่างช้าๆ และนิ่มนวล โดยมืออีกข้างหนึ่งชูขึ้นจนสุดรอก เช่น ดึงขวา..ชูด้านซ้าย     ดึงซ้าย..ชูด้านขวา เมื่อร่มตรงให้ชูมือทั้งสองข้าง จนสุดรอก พร้อมออกแรงโน้มตัววิ่งไปข้างหน้า กรณีที่ร่มจะตกลงด้านหลังให้ออกแรงที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง และทิ้งตัวไปด้านหน้า และวิ่งประคองร่มต่อไป
 
ในกรณีการฝึกดึงร่มผู้ฝึกสอน อาจมีการช่วยผ่อนแรงโดยการดึงบริเวณด้านหน้าเพื่อไม่ให้นักบินเสียกำลังมากและเหนื่อยจนเกินไป  และคอยช่วยบอกทิศทางการวิ่งแก้ร่มเอียง
  


การบล็อคหรือผลักจากบริเวณด้านหลังก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยผ่อนแรงได้เช่นกัน กรณีที่ลมแรง หรือใช้ร่มตัวใหญ่ วิธีนี้จะช่วยผ่อนแรงนักบินได้มาก
นักบินที่ฝึกใหม่ อาจต้องใช้เวลา 3 - 4 วัน ในการฝึกดึงร่ม จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับระยะเวลา ความต่อเนื่อง และทักษะของผู้ฝึก และหาทักษะเกี่ยวกับร่ม เพื่อสร้างความคุ้นเคย จนกว่าทุกสิ่งอย่างจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ สิ่งที่ครูฝึกต้องประเมินผลในขั้นนี้ คือการควบคุมสติ ไม่ตื่นตกใจง่าย
"ขาอย่าตาย มืออย่าตก" ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญที่สุด เพราะเป็น เบสิก ขั้นพื้นฐาน

สิ่งที่ต้องเรียนรู้ก่อนทำการบิน
1.ความรู้เกี่ยวกับอากาศพลศาสตร์ (Arodynamic) เพื่อการควบคุมบังคับ
2.อุตุนิยมวิทยาเบื้องต้น เป็นความรู้เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ ลักษณะต่างๆ ของอากาศ
3.ความรู้การเดินอากาศขั้นพื้นฐาน เป็นความรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์การบิน, การคำนวณระยะทางในการบิน, การคำนวณความเร็วลม, การวางแผนการบิน
4.กฎระเบียบในการบิน เป็นความรู้เกี่ยวกฎหมายที่ต้องปฏิบัติในการบิน
การตรวจสอบอุปกรณ์ และสิ่งสำคัญในการบิน  (Pre Flight Check)
1.แผนการบิน (Flight Plan)
2.การตรวจเช็คอุปกรณ์ในการบิน เช่น ร่ม, สายไรเซอร์, เครื่องยนต์
3.สภาพภูมิอากาศ เช่น ความเร็วลม, เมฆลักษณะต่างๆ                                                                          
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการบิน

1.การบินขึ้น (Take off) ต้องคำนึงถึง 3 สิ่งคือ ทิศทาง, สนาม และความเร็ว
2.ระหว่างการบินอยู่ในอากาศ ต้องคำนึงถึง 4 สิ่งคือ ทิศทาง, สนาม, ความเร็ว และความสูง
3.การลงจอด (Landing) ต้องคำนึงถึง 3 สิ่งคือ ทิศทาง, สนาม และความเร็ว

ชมรมพารามอเตอร์

ทยพารามอเตอร์
ชมรมร่มบินชุมแพ
paramotorthai
หัวใจติดปีก
ชมรมร่มบินสุราษฎร์ฯ
ชมรมร่มบินภูเก็ต
บอร์ดชมรมการบินบางแสน
ชมรมพารามอเตอร์ แห่ง
ใบพัดช่างนิพนธ์ จันทบุรี
"ช่างเต็ก"
"ช่างเกรียง"
 ชมรมร่มบินสุราษฎร์ธานี
ชมรมร่มบินปราจีนบุรี
ชมรมร่มบินเชียงใหม่
ร้านนรงค์แสตนเลส
ส่งดอกไม้ทั่วไทย
ชมรมร่มบินสระแก้ว
ร้านวาดรูปสุวิสแกรอรี่
ชมรมร่มบินลำปาง
ชมรมร่มบินจันทบุรี
ชมรมร่มบินโคราช
ชมรมร่มบินมุกดาหาร
www.thaiparagliding.com
www.thaiglider.com
"สังคมร่มร่อน"
"มือสองต้องจ่าแม็ก"
 thailandairsport
 ชมรมร่มบินโสธร
 ชมรมร่มบินบ้านฉาง
 ชมรมร่มบินนครนายก
ชมรมร่มบินราม39
ช่างโหนกใบพัด
อู่หนุ่มเซอร์วิส
ลุงสกล วรฉัตร
ชมรมร่มบินชัยนาท
ชมรมร่มบินพัทยา
 

ฝึกหัดกีฬาพารามอเตอร์

ก่อนบินพารามอเตอร์

ในวัยเด็ก คุณเคยฝันอยากเป็นนักบินบ้างไหมครับ อยากขับเครื่องบิน อยากขับเครื่องร่อน อยากกระโดดร่มลงมาจากท้องฟ้า ถึงแม้วันนี้คุณจะมีงานอาชีพ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน แต่ความฝันในตัวคุณ ที่ติดมาตั้งแต่ยังเด็ก วันนี้เรามีทางออกทางเลือกหลายอย่าง ที่จะสานฝันให้เป็นความจริง
ในวัยเด็กของหลายท่าน ฝันที่จะขับเครื่องบิน อยากเป็นทหารอากาศ อยากบินได้เหมือนนก ยิ่งได้เห็นภาพการบินโชว์ที่สนามบินในงานวันเด็กแห่งชาติ เห็นทหารฝึกกระโดดร่มมองเห็นเป็นสิ่งแปลก เป็นความประทับใจที่อยากทำอย่างนั้นได้บ้าง แต่ด้วยการงานในสายอาชีพที่ทำอยู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบินเหล่านี้เลย แต่ตอนนี้ถ้าคุณมีงานที่ลงตัวแล้ว มีทุนอยู่บ้างมีเวลาคุณก็สามารถ สร้างฝันของคุณให้เป็นความจริงได้ กีฬาทางอากาศมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน และส่วนใหญ่จะมีราคาแพง นี่ก็เป็นหนึ่งสาเหตุที่คุณจะไม่พร้อมที่จะเสียเงินมากมาย กับกิจกรรมที่สร้างแต่ความสนุก
แต่มีกีฬาทางอากาศอยู่ชนิดหนึ่ง ดูจะเหมาะสมกับคนไทยอย่างเรา ยิ่งคนที่มีพื้นฐานความฝันด้วยแล้ว ออกจะลงตัว “ พารามอเตอร์ ” หรือ ” ร่มบิน “ หรือที่ป้าข้างบ้านผมเรียก ร่มเหาะ เป็นกีฬาที่เล่นได้ทุกวัย ใช้เงินในการเริ่มเล่นครั้งแรกไม่มาก เมื่อเทียบกับอากาศยานประเภทอื่น ราคาค่าเล่นต่อครั้ง 1 ชั่วโมงก็แค่น้ำมัน 3-4 ลิตรรวมออโตลู๊ป ก็ไม่น่าเกิน 70 บาท ใช้พื้นที่เล่นน้อยขึ้นได้แทบจะทุกที่ ส่วนใหญ่ก็จะบินเล่นกันใกล้ๆบ้าน พอว่างจากงาน ก็คว้าร่มคว้าเครื่องออกไปบิน แต่ก็ใช่จะอิสระเสียเต็มที่ เพราะว่ากีฬาทางอากาศทุกชนิดใช้น่านฟ้าเดียวกันหมดกับอากาศยานประเภทอื่น ซึ่งต้องมีกฎมีระเบียบ ความปลอดภัย ความมั่นคง อันนี้เป็นสิ่งที่นักบินต้องรู้ เพื่อจะได้เล่นอย่างสนุก และถูกต้องตามกฎหมาย แต่จะกล่าวรายละเอียดในภายหน้าครับ
พารามอเตอร์ ประกอบขึ้นด้วย 2 ส่วนหลักคือ ตัวร่ม และเครื่องยนต์ ตัวร่ม จะแตกต่างจากร่มที่ใช้กระโดดออกมาจากเครื่องบิน หรือร่มที่ใช้เรือลากแถวชายหาด จะเป็นร่มที่ออกแบบมาให้เป็นร่มมีอัตราที่ดีกว่า ปีกออกจะเรียวยาว เป็นแบบเดียวกันที่ใช้เล่นร่มร่อนตามภูเขา ช่วงแรกๆก็ใช้ร่มร่อนเนี่ยแหละ มาติดเครื่องเป็นพารามอเตอร์ แต่ตอนนี้ร่มบางยี่ห้อได้ออกแบบมาเพื่อบินพารามอเตอร์โดยเฉพาะบ้างแล้ว และต้องเลือกขนาด ให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของนักบิน รวมเครื่องยนต์และสัมภาระอื่นทั้งหมด ราคาร่มใหม่ก็อยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นถึง 8 หมื่นบาท บางยี่ห้ออาจถึงแสนต้นๆ มองดูออกจะแพงอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมเพราะประเทศเรายังยังทำเองไม่ได้ หรือจะหันไปเล่นร่มมือสองก็ได้ ราคาก็ขึ้นอยู่ที่สภาพร่ม อาจจะ 25,000 –40,000 บาทแล้วแต่จะตกลงกัน แต่จะทราบได้อย่างไร ว่าร่มจะบินได้ดีหรือปลอดภัยแค่ไหน ในเมืองไทยเรามีเครื่องเช็คสภาพร่มครับ ( Porosity Check ) เป็นมาตรฐานเดียวกับของต่างประเทศ ในต่างประเทศเขายึดถือมาตรฐานนี้เป็นหลัก เขาไม่ได้วัดค่าร่มตอนจะขายนะครับ เขาวัดเพื่อตัวเขาเอง อาจจะปีละครั้ง เมื่อไหร่ร่มเขาไม่อยู่ในสภาพพร้อมบิน เขาก็เลิกใช้ไปเลย เขาถือความปลอดภัยของตัวเขาเองเป็นสำคัญ เขาไม่เสียดายเงินกับอุปกรณ์ที่ปลอดภัยเลย
ร่มโดยทั่วไปก็จะใช้กันไม่เกิน 300 ชั่วโมงบิน ผ้าก็จะเริ่มเสื่อม สารที่เคลือบร่มก็จะหลุดลอกออก การเก็บกักอากาศจะไม่ดี เนี้อผ้ามีการอุ้มน้ำ ร่มจะหนักขึ้น ตั้งยาก อัตราการร่อนจะน้อยลง ต้องใช้แรงเครื่องมากกว่าเดิน อันนี้คืออายุร่มที่เสื่อมลงตามเวลาการใช้งาน ยังไม่รวมถึงความเสื่อมที่เกิดจาก การลากถูกับพื้น การตากแดดจัดเป็นเวลานานๆ การเก็บไว้ในที่อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม และการพับร่มที่ผิดวิธี รายละเอียดปลีกย่อย จะเขียนถึงในตอนต่อไปครับ
มาถึงเรื่องเครื่องยนต์ จะเป็นเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 80 cc.-250 cc. มีชุดมูเลห์ทดแรงจากเพลามาใบพัด 2 เบส หรือ 3 เบส ถังน้ำมันจุ 5-10 ลิตร ทั้งหมดอยู่ในโครงวงกลมอลูมิเนียม หรือสเตนเลส เพื่อป้องกันสายร่มเข้าใบพัด ด้านหน้าจะเป็นฮาเน็ทที่นั่งนักบิน มีตัวล๊อค 3 จุดที่ขาทั้งสองข้างและที่หน้าอก ตัวเครื่องยนต์เมื่อติดเครื่องจะมีแรงผลักหลังประมาณ 45-65 กิโลกรัม แล้วแต่ชนิดเครื่อง ใบพัด และอัตราทดรอบ
ในบ้านเราแยกเครื่องยนต์ ออกเป็น 2 กลุ่มคือเครื่องยนต์จากต่างประเทศ และเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์เก่า
เครื่องยนต์ที่มาจากต่างประเทศ จะเบามีกำลังแรงม้าสูง ราคาจะอยู่ที่แสนกลางๆถึงสองแสนต้นๆ แต่ในบ้านเราคนที่อยากเล่นเครื่องนอกให้ได้ราคาถูกลง ก็จะไม่ซื้อเครื่องทั้งชุด แต่จะซื้อเฉพาะตัวเครื่องยนต์มา แล้วมาติดตั้งโครง หาฮาเน็ทในบ้านเราก็จะได้เครื่องนอกผสมของไทยราคาจะอยู่ราว แสนต้นๆ ข้อเสียของเครื่องนอกจะมีก็แต่อะไหล่แพง เพราะบ้านเราไม่มีขายบางชิ้นต้องสั่งเสียเวลารอ แต่โดยมากไม่ค่อยเห็นเครื่องนอกเสียบ่อยนัก จะต้องหาอะไหล่ ก็จะเป็นเพราะอุบัติเหตุมากกว่า
ส่วนเครื่องมอเตอร์ไซค์เก่า เป็นภูมิปัญญาของคนไทยโดยแท้ ต้องยอมรับว่าช่างที่คิดค้น และพัฒนาเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์เก่าทุกท่าน เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ วงการพารามอเตอร์นี้แพร่หลาย ขยายได้เร็วมาก เพราะราคาที่ถูกลงกว่าครึ่ง ทำให้คนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เครื่องที่นำมาทำพารามอเตอร์ หลักๆก็จะมีอยู่ 2 รุ่นคิอ JR ของ YAMAHA และ RGV ของ SUZUKI นำมาตัดชุดเกียร์ออก อุปกรณ์อื่นๆคนไทยสามารถทำเองได้หมด ไม่ว่าจะโครง ใบพัด ฮาเน็ท และท่อไอเสีย ในเมืองไทยมีช่างที่ทำเครื่องยนต์ และอุปกรณ์อยู่หลายเจ้า คุณสามารถดูได้จากเว็บไซด์ของเรา www.sportflyingthailand.com ดูที่เมนูลิ้งค์ที่เกี่ยวข้องกับพารามอเตอร์ มีอยู่ด้วยกันหลายเว็บไซด์ ส่วนราคาค่าเครื่องพร้อมบิน ก็อยู่ที่ประมาณ 35,000 – 55,000 บาทแตกต่างกันไป ค่อยๆศึกษาไปก่อนอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ ข้อดีของเครื่องไทย คือะไหล่ถูกหาง่าย อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้าง กับปัญหาเสียจุ๊กจิก ก็เพราะมันเป็นเครื่องที่ดัดแปลงมา และเป็นเครื่องยนต์เก่า ทุกวันนี้หลายช่างก็ได้พัฒนากันจน ทนทาน และแรงดีมากแล้วครับ

และก็มาถึงช่วงสำคัญคือการฝึกบิน จะมีผู้รับฝึกสอนมากมายหลายท่าน แทบจะทั่วประเทศไทย โดยมากก็จะมาจากเล่นมาก่อนเป็นเวลานาน แล้วนำความรู้และประสบการณ์มาสอน บางท่านก็เรียนมาจากต่างประเทศ ราคาก็แตกต่างกันไป ประมาณ 8,000 – 15,000 บาท จะสอนให้คุณรู้จักอุปกรณ์ การทำงานของร่มและเครื่อง สอนการตั้งร่ม การบังคับร่ม และที่สำคัญคืออุตุนิยมวิทยา ตลอดจนกฎการบินต่างๆระยะเวลาการฝึกก็จะอยู่ที่ประมาณ 5-10 วันแล้วแต่วิธีการสอนของแต่ละท่าน บางท่านสอนแบบไม่กำหนดเวลา เพื่อจะให้คนที่เรียนได้รับความรู้ ความปลอดภัยจนถึงที่สุด ซึ่งก็ดีกับตัวนักเรียนเอง และเป็นการแสดงความเอาใจใส่ของคนสอนด้วย
คุณจะเลือกเรียนกับใคร ขอแนะนำให้โทรไปคุยหลายๆคน ถามรายละเอียด ถามอุปกรณ์ที่ใช้ฝึก และขั้นตอนการเรียน ถามให้แน่ถึงการเสียหายของอุปกรณ์ในระหว่างการฝึก จะสอนให้คุณบินกี่ไฟต์ อย่าได้เกรงใจ และนำมาวิเคราะห์ดู ต้องเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก และหมั่นหาข้อมูลคุยกับคนที่เล่นเป็นแล้วหลายๆคน อย่าเพิ่งเชื่อใคร อย่ารีบร้อนเรียน อุบัติเหตุก็จะมีบ้างเหมือนกันหมดทุกกีฬา แต่คุณจะต้องระวังป้องกันตัวเองให้ดีที่สุดก่อน เรียนรู้อุบัติเหตุจากคนอื่นก็เป็นวิธีหนึ่ง ที่เราจะได้ทราบถึงเหตุผลของการเกิด และวิธีป้องกัน เรื่องบางเรื่องที่เป็นประโยชน์ อาจได้จากการนั่งคุยกันในหมู่นักบินก็ได้ นักบินจะมีจิตใจเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว เขาพร้อมที่จะเป็นมิตร และพูดคุยกับคุณ นักบินร่มเองก็อยากมีเพื่อนบินแยะๆ เวลาบินไปด้วยกันหลายๆร่ม วิทยุคุยกันมันสนุกดีครับ เสาร์อาทิตย์นัดกันบินเดินทางไปสถานที่สวยๆ ไปเที่ยวภูเขา ชายทะเล บินรอบเขื่อน ผมว่าเป็นความสุขที่นักบินอยากทำกันมากเลยครับ
คุณเริ่มจะเห็นช่องทางของการบิน พารามอเตอร์บ้างหรือยังครับ นี่เป็นแค่รายละเอียดรวมๆนะครับ ยังมีเรื่องที่จะต้องเรียนรู้กันอีกมากมาย คุณเรียนไปก่อน แล้วค่อยหาซื้อเครื่องและร่มที่หลังก็ได้ ถ้าซื้อคนเดียวไม่ไหว ก็หุ้นกับเพื่อนแล้วแบ่งกันเล่น ก็ยังเป็นวิธีที่พอจะเป็นเจ้าของได้ แต่เวลาเรียนไปเรียนทุกคนนะครับ อย่าคิดว่าไปเรียนคน แล้วจะกลับมาสอนอีกคน ไม่สนับสนุนครับ คนที่สอนคนบินได้ดีต้องมีความรู้มากกว่าแค่ให้คนบินได้ครับ
เมื่อคุณบินได้แล้ว มีโอกาสก็ควรหาเวลาไปสอบเพื่อรับใบอนุญาตนักบิน UPL เผื่อวันข้างหน้า ทางกรมการขนส่งทางากาศ ออกกฎมาเราจะได้เล่นกันอย่างถูกต้องไม่ต้องกังวล นับวันนักบินพารามอเตอร์ยิ่งจะเพิ่มมากขึ้นทุกวันถึงวันนี้ก็เกือบ 300 คนแล้ว เป็นธรรมดาที่เมื่อมีกลุ่มคนมากขึ้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็ต้องมีกติกามาควบคุมกัน แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง มันก็สะท้อนถึงจำนวนนักบินร่มเริ่มมากขึ้น วงการเริ่มโตขึ้นก็น่าดีใจครับ แต่ใช่ว่าทางกรมฯ จะใจร้ายกับนักบินพารามอเตอร์นะ เขาต้องทำตามหน้าที่ เพราะร่มบินใช้ท้องฟ้าเดียวกับอากาศยานทั้งหมด และออกจะเห็นใจพวกเราเสียด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาไม่นานก็เชิญตัวแทนชมรมร่มบินทั่วประเทศ และสมาคมกีฬาการบิน(ประเทศไทย) ร่วมหารือกับเจ้าหน้าของกรมฯ พูดคุยปรึกษาถามความคิดเห็น หาข้อสรุปถึงราคาค่าจดทะเบียนที่เหมาะสม หาพื้นที่เล่นที่ไม่กระทบกับอากาศยานอื่น ตลอดจนการอบรมเพื่อให้นักบินพารามอเตอร์ ได้รับใบอนุญาต และอีกหลายๆเรื่องเพื่อนำข้อสรุปนี้ นำส่งขึ้นตามขั้นตอนออกเป็นกฎต่อไป และเพื่อวงการพารามอเตอร์ที่จะโตขึ้นในอนาคต
และงานแข่งขันพารามอเตอร์ ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด ถ้าไม่ไกลจนเกินไปนัก เพราะจะเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้รู้ ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ทั้งคนเล่น ร่มรุ่นต่างๆ เครื่องยนต์แบบใหม่ ใบพัดดีไซด์แปลกๆ ดูทักษะการบินร่ม แต่ละคน แต่ละค่าย งานแข่งนี้ปีหนึ่งจัดประมาณ 3-4 ครั้ง ตามจังหวัดต่างๆ ปีนี้ที่ผ่านมาจัดไปแล้วที่จ.ชัยภูมิ ชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และงานที่ผ่านมาไม่นานที่จ.สุรินทร์ ชิงถ้วยพระราชทานของ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เป็นการรวมตัวกันมากที่สุดถึง 105 ร่ม ประเภทการแข่งขัน ก็จะเป็นการแข่งเดินทางไกลประกอบเข็มทิศ และบุคคลปฏิบัติ มีปาถุงแป้งลงจุด ดับเครื่องลงจุด touch and go ปลายปีนี้อาจมีอีกครั้งแต่ยังไม่แน่นอน และอาจจะมีกิจกรรมบินพารามอเตอร์ ร่วมฉลองครบรอบ 100 ปีการบินโลก ที่สองพี่น้องตระกูลไรท์ ได้สร้างประวัติศาสตร์การบินของโลกไว้ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ.1903
ถึงตรงนี้ คุณเริ่มย้อนคิดถึงความฝันในตัวคุณหรือยังครับ ฝึกไม่ยาก อุปกรณ์ไม่แพง ค่าใช้จ่ายต่อครั้งแสนถูก นี่แหละครับ ทางออกของคนอยากบิน….พารามอเตอร์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร FLY & FUN